ผัดข้าว ธรรมอย่างไร?

ในบล็อคนี้ขออนุญาตนำลงบทความที่น่าสนใจของทีมงานฐานธรรมท่านหนึ่ง คือ หมอเมย์ (พญ.จริยา พรไพรัช) ซึ่งได้เรียบเรียงเรื่องราวว่า "การผัดข้าวนั้น-ธรรมอย่างไร" ได้น่าสนใจมากครับ

ผัดข้าว ธรรมอย่างไร?

โลกที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายนานัปการ เมื่อเราต้องการไปที่ใด เราก็สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวหรือใช้บริการสาธารณะต่างๆไปได้สะดวกรวดเร็ว เมื่อเราต้องการทานอะไร เราก็สามารถออกไปหาซื้อทานหรือสั่งอาหารที่อยากทานให้มาส่งที่บ้านได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นบริการ foodpanda หรือ lineman โดยมีเหตุผลว่า เราทำงานมาเหนื่อยแล้ว เที่ยวพักผ่อน ดูบรรยากาศริมแม่น้ำ เคล้าเสียงเพลงบ้าง ซื้ออาหารทานสะดวกกว่าไม่เสียเวลา

เราใช้ชีวิตประจำวันตามเหตุผลของเราอย่างเคยชิน ไม่เห็นว่าผิดปกติตรงไหน คนอื่นก็ทำแบบนี้

ความประพฤติพื้นฐานในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างไร?

การผัดข้าว หรือ การทำอาหารทานที่บ้าน ธรรมอย่างไร?

ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ พระธรรมและพระอริยสงฆ์

เราไม่มีทางรู้เลยว่าการทำอาหารทานที่บ้าน เป็นธรรมอย่างไร จนกระทั่งเราได้ลองเชื่อคนที่เคยทำมาก่อนแนะนำว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งควรทำ แล้วเราเริ่มทำทานเอง ทำอย่างต่อเนื่อง ทำให้อร่อยขึ้น และทำให้คนอื่นทาน

เราเริ่มจากเลือกเมนูที่ไม่ยากนักและชอบทาน เช่น ข้าวไข่เจียว และข้าวผัดไข่ หาอุปกรณ์พื้นฐาน ได้แก่ หม้อหุงข้าว เตา กระทะอเนกประสงค์ ตะหลิว จานชามและช้อนส้อม หาวัตถุดิบที่ใช้ ได้แก่ น้ำมัน ข้าว ไข่ ผัก เนื้อสัตว์ ซอสปรุงรส และพริกไทย แล้วเราก็เริ่มหัดหุงข้าว ทอดไข่ ทานแล้วก็อิ่ม ใส่ซอสพริกหรือมะเขือเทศก็อร่อย จากนั้นเริ่มหัดผัดข้าวผัด ศึกษาจากคนที่เคยผัดว่าใส่อะไรก่อนหลัง ปริมาณเท่าไรที่จะพอดีอิ่มและอร่อย ไฟอย่างไร ข้าวอย่างไร ทำจนคล่องขึ้น ใส่ใจในการเตรียมของให้สะอาด เลือกของมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ลองให้คนอื่นชิม ปรับปรุงสูตร เมนูอื่นๆก็เช่นกัน และเมื่อทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องระยะหนึ่ง กลับพบว่าเราทำได้คล่องขึ้น สนุกในการทำ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกไปข้างนอก ไม่ต้องเลือกหาร้านอร่อย เงินเหลือเก็บมากขึ้น สุขภาพดีและผลตรวจสุขภาพประจำปี ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดลดลง

และเมื่อเราทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะพบว่าเกิด ”ความสุข” ในขณะทำ “กายใจสงบไม่วุ่นวาย” ไม่ว่าจะทานข้าวไข่เจียว ข้าวผัด หรือผัดสปาเก็ตตี้ ก็ทานอิ่มเหมือนกัน พ้นจากความประพฤติเดิม นิสัยขี้เกียจเดิม ความประพฤติใหม่ดีขึ้น ขยันขึ้น รู้จักคุณค่าของเวลา และรู้จักใช้เงินอย่างคุ้มค่า อีกทั้งได้เห็นรอยยิ้มของคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณป้าในวงอาหาร คืนความสุขให้แก่ครอบครัวที่เราไม่ได้เห็นมานาน

จริงดังที่พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระปัญญาธิคุณและพระกรุณาธิคุณอันหาประมาณมิได้ ทรงแสดงไว้ว่า “ธรรมะเกิดจากการปฏิบัติ” พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้แล้วนั้นลึกซึ้ง ละเอียด สุขุม คัมภีรภาพยิ่งนัก แล้วยิ่งกว่านี้จะเป็นอย่างไร เราคงหยุดทำต่อไปไม่ได้แล้ว

ขอเชื้อเชิญทุกท่านมาลองทำ เราไม่มีทางรู้เลยว่า ผัดข้าว ธรรมอย่างไร? จนกว่าจะได้ลองผัดข้าวทานเอง

...

พญ.จริยา พรไพรัช

...

ภาพศาลาพระญาณวิศิษฎ์ (พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม) วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา / ถ่ายภาพโดย กีรติ ชยะกุลคีรี