หากพระธรรมเป็นดั่งดอกบัว...แล้วสิ่งใดที่คู่ควรเป็นฐานรองรับดอกบัวนั้น?
- Keerati Chayakulkheeree
- Jun 5, 2019
- 1 min read
Updated: Oct 23, 2019
ในครั้งนี้จะขอนำบทความของ คุณกาญจนา ชยะกุลคีรี ที่ได้เขียนเกี่ยวกับคุณสมบัติ 3 อ. ที่เป็นรากฐานของผู้ประพฤติธรรมได้อย่างน่าสนใจครับ
...
น้อมกราบคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ คุณครูอาจารย์ และคุณบุพการี
หากเปรียบธรรมะเป็นดั่งดอกบัว อ่างบัวก็คือฐานที่รองรับพระธรรมที่ต้องมีความมั่นคง แข็งแรง ไม่รั่ว ไม่แตกร้าว
เปรียบคุณสมบัติ 3 อ. เป็นดั่งอ่างบัวที่เป็นฐานรองรับพระธรรม
วันที่ 26 พค 2562 เวลา 09:00 โดยประมาณ เป็นวันที่ทุกคนในครอบครัวได้สูญเสียบุคคลผู้ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของครอบครัว คือคุณแม่เลียบ กิจคณะ ไปอย่างกะทันหัน และภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัวคือ ให้เราเขียนเล่าอุปนิสัยและลักษณะเด่นของคุณแม่เลียบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของการอ่านประวัติท่านในพิธีฌาปนกิจศพ
หลังจากใคร่ครวญและย้อนนึกถึงทุกๆเรื่องราวของคุณแม่เลียบ ที่ท่านดำเนินชีวิตและสอนลูกหลานผ่านการกระทำของท่านเองตั้งแต่เรายังเล็กๆจนเติบใหญ่และมีครอบครัว ก็จะขอน้อมนำคุณลักษณะเด่นพิเศษ 3 อ. ของคุณแม่เลียบที่มีการปฏิบัติให้ทุกคนได้เห็นและได้รับมาโดยตลอดของชีวิตท่านอย่างสมบูรณ์ เพียบพร้อม และไม่มีข้อบกพร่องเลย
อ. ที่หนึ่ง คือ ความอดทน : คุณแม่เลียบกำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กและยังจำความอะไรไม่ได้ โดยแม่เคยเล่าให้ฟังว่า การที่เราไม่มีพ่อแม่เลี้ยงนั้น จะต้องอดทนต่อความลำบากมาก เพราะเมื่อเด็กๆ อยากได้อะไร ก็จะไม่ได้ และต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก่อนซึ่งแม่ก็ทำได้อย่างไม่บกพร่อง และเมื่อแต่งงานมีครอบครัว แม่ก็ใช้ความอดทนในการใช้ชีวิต และใช้ในการแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆที่ผ่านเข้ามา เพื่อที่จะเลี้ยงลูกทั้งห้าคนและบ่มเพาะนิสัยให้เป็นคนดี ซึ่งพวกเราทุกคนจะจำได้เสมอในคำสอนของแม่ตั้งแต่เราเด็กๆ คือ ให้อดทน “ทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่ว” ความอดทนของท่านนั้น นับได้ว่าอุกฤษฏ์ยิ่งนัก แม้จวบกระทั่งในวันที่ท่านจะละสังขาร ก็ได้แสดงความอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกายให้กับหมอและพยาบาลได้ประจักษ์ โดยเป็นคนไข้ผู้สูงอายุ ที่มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมดีทุกประการและให้ความร่วมมือกับแพทย์และพยาบาลเป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่มีการแสดงออกทางกาย หรือวาจาต่อผู้ให้การรักษา อันเกิดจากอาการเจ็บปวดเลย อีกทั้งยังพร่ำบอกพวกเราที่เฝ้าดู เพื่อให้คลายความกังวลและเป็นห่วงผ่านรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆ ว่าแม่ทำบุญมามาก บุญก็จะช่วยแม่ไม่ให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน
อ. ที่สอง คือ การให้อภัย : แม่ชอบทำบุญ และทำทาน แต่สิ่งที่เป็นทานสูงสุดที่แม่ได้ปฎิบัติให้เราเห็นประจักษ์มาโดยตลอดคือ อภัยทาน ทั้งกับตัวท่านเอง และบุคคลอื่นๆ ที่มีการล่วงเกินหรือกระทำกับท่านทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านจะเอ่ยปากบอกเสมอว่า “ทำแบบนี้แล้ว จะได้ไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน และจบๆกันไปในชาตินี้” ส่วนเราเป็นผู้รับฟังที่แม่เอ่ยปากบอกมาเสมอ ก็ได้แต่ฉงนว่าทำไม แม่มีความคิดและการกระทำที่แตกต่างจากคนทั่วไปมากเหลือเกิน
อ. ที่สาม คือ ความโอบอ้อมอารีและให้โอกาส : ทุกๆคนที่ได้รู้จัก จะสัมผัสได้ถึงความเป็นคนใจดี มีเมตตา มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผ่านกิริยาและมารยาทที่งดงามของแม่ โดยท่านจะมีความสำรวมกาย วาจา และจิตใจในการปฏิบัติกับทุกๆคน
หากบุคคลใดในครอบครัว หรือบุคคลภายนอก ที่กระทำผิดพลาดทั้งในเรื่องเล็กๆ หรือเรื่องใหญ่ๆ ท่านก็จะให้โอกาสในการแก้ไขและปรับปรุงตัว ผ่านคำแนะนำที่มีแต่ความจริงใจ และเป็นความจริง ซึ่งเป็นไปและถูกต้องตามครรลองครองธรรม ที่มีการถ่ายทอดผ่านคำพูดธรรมดาๆ แต่แฝงด้วยคุณค่าอันประเสริฐอย่างยิ่ง
...
โดยสรุปจากที่ได้เลือกคุณลักษณะหรืออุปนิสัย 3 อ. ที่เด่น ของคุณแม่เลียบนั้น ได้แสดงให้พวกเราเห็นถึงการน้อมนำธรรม ที่เป็นการทำทาน รักษาศีล โดยใช้ความอดทนมาตลอดทั้งชีวิต และสามารถแลกได้ด้วยชีวิต เพื่อเป็นการสั่งสมอริยทรัพย์ของตัวท่านเอง อีกทั้งยังให้โอกาสผู้ที่ใกล้ชิดได้สะสมอริยทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งท่านจะมีความปีติ ชุ่มชื่นใจและเป็นสุขใจอย่างยิ่งในการทำสิ่งเหล่านี้ จนเป็นภาพติดตาติดใจของลูกๆหลานๆหรือทุกคนที่รู้จักท่าน
รากฐาน (ธรรม) นั้นสำคัญยิ่งนัก เพราะเป็นสิ่งที่สร้างความพร้อมรองรับพระธรรมอันประเสริฐ
โปรดลองใคร่ครวญกันดูเถิดว่า คนที่ไม่มี ความอดทน อภัย และโอบอ้อมอารี จะปฏิบัติ ทาน ศีล และภาวนากรรมฐาน ได้เช่นไร... พื้นฐาน 3 อ. นี้จึงสำคัญยิ่งนัก
...
กาญจนา ชยะกุลคีรี
...

Comments